简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:บทความนี้สำรวจ 5 ประเทศที่เป็นศูนย์กลางการซื้อขายเงินตราระดับโลก ได้แก่: สหราชอาณาจักร (ลอนดอน) – ศูนย์กลางอันดับหนึ่งของโลก มีสภาพคล่องสูงสุดเพราะเชื่อมโยงตลาดเอเชียและอเมริกา สหรัฐอเมริกา (นิวยอร์ก) – ฐานหลักของดอลลาร์สหรัฐ และได้รับอิทธิพลจากนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ สิงคโปร์ – ศูนย์กลางการเงินของเอเชีย และประตูสู่ตลาดเอเชียแปซิฟิก ฮ่องกง – เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจจีน และเป็นศูนย์กลางการซื้อขายเงินหยวนนอกประเทศจีน ญี่ปุ่น (โตเกียว) – ฐานหลักของเงินเยน และได้รับอิทธิพลจากนโยบายของธนาคารกลางญี่ปุ่น การเข้าใจโครงสร้างและลักษณะเฉพาะของตลาดเหล่านี้ ช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและวางกลยุทธ์การซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในโลกของการซื้อขายเงินตรา มีบางประเทศที่กลายเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ศูนย์กลางเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นแหล่งที่มีปริมาณการซื้อขายมหาศาล แต่ยังเป็นจุดที่นักลงทุนสถาบันและนักเทรดรายย่อยจากทั่วโลกจับตามอง หากคิดนักเทรดต้องการเข้าใจโครงสร้างของตลาดและหาโอกาสในการซื้อขาย การรู้จักประเทศที่มีบทบาทสำคัญจึงเป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้
วันนี้แอดเหยี่ยวจะพาไปสำรวจ 5 ประเทศที่เป็นเสาหลักของการซื้อขายเงินตราโลก ซึ่งแต่ละแห่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและเป็นที่มาของสภาพคล่องที่ขับเคลื่อนตลาดทุกวัน
1.สหราชอาณาจักร – ลอนดอน เมืองที่ตลาดเงินไม่มีวันหลับ
ลอนดอนคือศูนย์กลางอันดับหนึ่งของการซื้อขายเงินตราโลก คิดเป็น 38-40% ของปริมาณการซื้อขายทั้งหมด เหตุผลที่ลอนดอนเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญเกิดจากตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ที่อยู่ระหว่างเอเชียและอเมริกา ทำให้สามารถเชื่อมโยงตลาดหลักทั่วโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ช่วงเวลาทำการของตลาดลอนดอนยังเป็นช่วงที่มีสภาพคล่องสูงสุด เนื่องจากเป็นเวลาที่ตลาดเอเชียกำลังปิดและตลาดนิวยอร์กกำลังเริ่มต้น ซึ่งทำให้เกิดปริมาณการซื้อขายสูงและโอกาสในการทำกำไรของนักเทรดก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
2.สหรัฐอเมริกา – นิวยอร์ก ศูนย์กลางของเงินโลก
นิวยอร์กเป็นตลาดการเงินที่มีบทบาทสำคัญในระดับโลก คิดเป็น 17-19% ของปริมาณการซื้อขายทั่วโลก จุดแข็งของตลาดนิวยอร์กอยู่ที่การเป็นฐานหลักของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นสกุลเงินที่ใช้ในการซื้อขายระหว่างประเทศมากที่สุด
ตลาดนิวยอร์กยังได้รับอิทธิพลโดยตรงจากข่าวเศรษฐกิจและการตัดสินใจทางนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ซึ่งมักจะส่งผลกระทบต่อตลาดเงินตราทั่วโลก นักลงทุนจำนวนมากจึงเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของตลาดนี้อย่างใกล้ชิด
3.สิงคโปร์ – ศูนย์กลางการเงินของเอเชีย
สิงคโปร์เป็นศูนย์กลางการเงินที่สำคัญของภูมิภาคเอเชีย และมีปริมาณการซื้อขายคิดเป็น 7-9% ของตลาดโลก จุดเด่นของตลาดนี้อยู่ที่กฎระเบียบที่เอื้อต่อการลงทุน ระบบการเงินที่มั่นคง และการเป็นศูนย์กลางของกองทุนขนาดใหญ่
นอกจากนี้ สิงคโปร์ยังเป็นประตูสำคัญสู่ตลาดเอเชียแปซิฟิก ซึ่งหมายความว่าการเคลื่อนไหวของตลาดเงินในภูมิภาคนี้มักจะเริ่มต้นที่นี่ นักลงทุนจำนวนมากเลือกใช้สิงคโปร์เป็นฐานสำหรับการซื้อขายเงินตราระดับสากล
4.ฮ่องกง – ประตูสู่ตลาดจีน
ฮ่องกงเป็นอีกหนึ่งศูนย์กลางทางการเงินที่สำคัญของเอเชีย มีปริมาณการซื้อขายคิดเป็น 6-7% ของตลาดโลก จุดแข็งของตลาดฮ่องกงคือความสามารถในการเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในเศรษฐกิจที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก
ตลาดฮ่องกงมีความยืดหยุ่นสูงและเปิดกว้างสำหรับนักลงทุนต่างชาติ นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์กลางของการซื้อขายเงินหยวนจีน (CNY) นอกประเทศจีน ซึ่งทำให้เป็นจุดที่นักลงทุนใช้ในการเข้าถึงตลาดจีนได้อย่างสะดวก
5.ญี่ปุ่น – โตเกียว ตลาดสำคัญของเอเชีย
โตเกียวเป็นตลาดเงินที่มีบทบาทสำคัญในเอเชีย โดยมีปริมาณการซื้อขายคิดเป็น 5-6% ของตลาดโลก หนึ่งในจุดเด่นของตลาดนี้คือการเป็นฐานหลักของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ซึ่งเป็นหนึ่งในสกุลเงินหลักที่มีการซื้อขายมากที่สุด
นักลงทุนจำนวนมากเลือกเทรดในตลาดโตเกียวเนื่องจากมีความเสถียร และได้รับอิทธิพลจากนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งมักมีบทบาทสำคัญในการกำหนดแนวโน้มของตลาดเงินในภูมิภาค
สรุป
5 ประเทศที่กล่าวมาข้างต้นล้วนเป็นศูนย์กลางสำคัญของการซื้อขายเงินตราระดับโลก และแต่ละแห่งมีลักษณะเฉพาะที่ส่งผลต่อตลาดโดยรวม คิดนักเทรดที่ต้องการประสบความสำเร็จในการซื้อขายจำเป็นต้องเข้าใจว่าตลาดหลักเหล่านี้ทำงานอย่างไร และช่วงเวลาไหนที่มีสภาพคล่องสูงสุด
การเลือกเวลาที่เหมาะสมในการเข้าเทรดสามารถเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้ และแน่นอนว่าการติดตามข่าวสารเศรษฐกิจจากศูนย์กลางเหล่านี้ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย : https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
กรมสรรพากรสหรัฐฯ เลิกจ้างพนักงานราว 6,000 ตำแหน่งตามนโยบายทรัมป์
บทวิเคราะห์ทองคำ
กำไรจากการขายทองคำแท่งและทองรูปพรรณไม่ต้องเสียภาษี ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 42(9) อย่างไรก็ตาม การออมทองไม่สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้ ยกเว้นค่ากำเหน็จทองรูปพรรณที่มีใบกำกับภาษี e-Tax Invoice บทความยังเปรียบเทียบภาระภาษีจากการลงทุนประเภทอื่น เช่น หุ้น พันธบัตร และคริปโตเคอร์เรนซี เพื่อช่วยให้นักลงทุนวางแผนภาษีได้อย่างเหมาะสม ทั้งนี้ การออมทองเป็นทางเลือกในการกระจายความเสี่ยง แม้ราคาจะผันผวนตามเศรษฐกิจโลก นักลงทุนจึงควรพิจารณาข้อมูลและวางแผนการลงทุนอย่างรอบคอบ
ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก
Exness
FBS
HFM
STARTRADER
FXCM
IC Markets Global
Exness
FBS
HFM
STARTRADER
FXCM
IC Markets Global
Exness
FBS
HFM
STARTRADER
FXCM
IC Markets Global
Exness
FBS
HFM
STARTRADER
FXCM
IC Markets Global